วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

✿ [Talk] ว่าด้วยเรื่องหนังสือ และคิดถึงหนังสือที่โดนปลวกกิน

     สำคัญมาก : ภาพประกอบทั้งหมดค้นหาจาก Google และ Pinterest นะคะ เพราะหนังสือบางเล่มของเจ้าของบล็อกก็ไม่อยู่แล้ว และบางเล่มที่ยังอยู่ก็เก่าเยินมากจนน่าเกลียด ต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพด้วยนะคะ


จุดเริ่มต้นจากการบังคับ

     เจ้าของบล็อกโดนบังคับอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ๆ  ค่ะ คนบังคับอ่านก็คือปู่นั่นเอง พ่อบอกว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นอาแล้ว หลานก็ต้องไม่รอดเงื้อมมือแน่นอน ทุกช่วงสายของวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ หลังจากที่ปู่กินกาแฟเสร็จเรียบร้อยก็จะเรียกให้ไปหยิบหนังสือเรียนมาอ่าน โดยปู่จะอ่านก่อนแล้วให้เราอ่านตาม ตอนนั้นขี้เกียจสุด ๆ  และจะลุ้นทุกครั้งว่าขอให้ปู่ลืมสอน แต่ปู่ก็ไม่เคยลืมสักครั้ง นี่เคยหนีออกไปเล่นกับเพื่อนหน้าบ้านแต่ปู่ก็ออกมาตามให้กลับไปอ่านหนังสือจนได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเรารู้บทเรียนก่อนเพื่อนในห้อง เพราะปู่สอนให้อ่านก่อนครูและให้ทำแบบฝึกหัดอีกนิดหน่อยทุกครั้ง อย่างวิชาภาษาอังกฤษปู่จะสอนอ่านและแปลให้ฟังก่อน พอเราอยู่ในห้องเรียนครูก็สอนให้อ่านและแปลแบบเดียวกับปู่เลย ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะรู้สึกเหนือกว่าเพื่อนหน่อยนึง แต่ด้วยความเป็นเด็กยังไงก็ยังขี้เกียจให้ปู่บังคับอ่านหนังสืออยู่ดี

     มีอยู่วันหนึ่งปู่บอกให้อ่านวิชาภาษาไทย โดยชี้จุดว่าให้อ่านจากตรงไหนถึงตรงไหน นี่ก็ขี้เกียจเหมือนเดิมนั่นแหละแต่ก็จำใจอ่านเพราะอยากรีบไปดูการ์ตูน ตอนอ่านก็อ่านเสียงดังลั่นบ้านเพื่อให้ปู่ได้ยิน วันนั้นเป็นการอ่านอย่างฉาดฉานและราบรื่นจนเกือบจะถึงตอนจบที่มีเนื้อหาว่า 'นำของฝากไปให้น้าแฉล้ม' ไหน ๆ  ก็จะอ่านครบอยู่แล้วก็เลยเพิ่มวอลลุ่มเสียงอ่านส่งท้ายด้วยความมั่นใจเต็มร้อยว่า 'นำของฝากไปให้น้า แชร์-ล้ม' เท่านั้นแหละทั้งบ้านก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ยั้ง กระทั่งปู่ก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็โดนทั้งบ้านล้อเรื่องน้าแชร์ล้มไปหลายทศวรรษเลยทีเดียว





หนังสือกลุ่มแรกที่เริ่มเก็บสะสม

     หนังสือกลุ่มแรก ๆ  ที่เริ่มสะสมคือหนังสือนิทาน ไม่ว่าจะเป็นนิทานอีสปเล่มเล็ก ๆ  นิทานคลาสสิกต่าง ๆ  หนังสือภาพแบบเด็ก ๆ  หรือหนังสือสติกเกอร์ สถานที่ที่ไปซื้อบ่อยที่สุดคือร้านขายหนังสือที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ที่ไปห้างนี้บ่อยเพราะหลังจากที่พ่อไปรับที่โรงเรียนก็จะพามารับแม่ตอนเลิกงานด้วย แล้วสถานที่นัดพบแม่ก็คือห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวนั่นเอง ไม่แน่ใจว่าซื้อหนังสือที่ร้านแพร่พิทยาหรือเปล่าแต่คิดว่าก็คงจะใช่แหละ เพราะเป็นร้านใหญ่ ๆ  และหนังสือเยอะมาก เวลาไปจะตระการตาทุกครั้ง เล่มนู้นก็อยากได้เล่มนี้ก็อยากได้ ซื้อครั้งละ 2-3 เล่มจนครบทั้งชั้นวางขาย บางทีก็แอบเอาหนังสือนิทานใส่กระเป๋านักเรียนไปด้วยเพราะมีความรู้สึกว่าพกหนังสือนิทานไปแล้วอุ่นใจ คอยเปิดกระเป๋าเช็คดูหนังสืออยู่บ่อย ๆ  ว่ายังสบายดีหรือเปล่า ปัจจุบันนิทานทั้งหมดหายไปหมดแล้ว จำไม่ได้ว่าให้ใครไปหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะให้ลูกเพื่อนแม่ไปนั่นแหละเพราะมีเยอะเกิน





หนังสือการตูนในดวงใจตลอดกาล

     พอพูดถึงหนังสือการ์ตูนในดวงใจแล้วเรื่องเหล่านี้ก็แว๊บขึ้นมาทันทีเลย เพราะเป็นเรื่องที่ชอบมากเป็นพิเศษ


1. โดเรมอน

     เป็นเพราะโดเรมอนนี่แหละที่ทำให้อยากกินขนมแป้งทอดมาก ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าขนมแป้งทอดที่โดเรมอนชอบมันเป็นยังไง แต่คิดว่ามันต้องอร่อยสุด ๆ  แน่นอน จนมาถึงช่วงที่หนังสือเปลี่ยนจากคำว่าแป้งทอดเป็นโดรายากิทีนี้ก็รู้จักละ แล้วก็ไปเจอร้านขายโดรายากิพอดี ด้วยความดีใจที่จะได้กินขนมเหมือนโดเรมอน เลยขอให้แม่ซื้อให้ ทุกวันนี้โดรายากิคำแรกในชีวิตยังฝืดคออยู่เลย

     "ร้านอร่อยขายที่ไหนเหรอ โดราเอมอนนนนน" (เสียงโนบิตะ)





2. ดอกเตอร์สลัมกับหนูน้อยอาราเล่

     การ์ตูนที่ทำให้รู้จักคำว่า 'อุนจิ' และคำพูดติดปากว่า 'โอ๊ โย๊ โย๋' ตอนเด็ก ๆ  เคยซื้อตุ๊กตาไขลานอาราเล่เดินได้มาเล่นด้วย แต่ด้วยความบื้อของตัวเองที่ตอนนั้นคนแถวบ้านเค้ากำลังจะย้ายบ้าน แล้วเค้ามีลูกเล็ก ๆ  ด้วย ก็เลยยกตุ๊กตาอาราเล่ไขลานให้ลูกเค้าไปเป็นที่ระลึกเฉย สุดท้ายมานั่งเสียดายจนถึงทุกวันนี้





3. เพราะหัวใจเพรียกหา (Virgin Blue)

     เป็นหนังสือการ์ตูนที่เฝ้ารอวันวางแผงเล่มถัดไปมาก พอเล่มใหม่ออกปุ๊บจะต้องรีบซื้อเลย ช่วงเวลานั้นจะเม้าท์กับเพื่อนที่โรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอด เองุจิคุงอย่างนั้น สึบาเมะจังอย่างนี้ กว่าทั้งคู่จะลงเอยกันได้ด้วยดีต้องลุ้นหนักเหลือเกิน




4. ไฟฝันควันรัก

     เห็นว่าเรื่องนี้มีหลายชื่อ แต่เล่มที่เจ้าของบล็อกอ่านชื่อว่า 'ไฟฝันควันรัก' เป็นเล่มหนา 4 เล่มจบค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้ซื้อเองเพราะได้รับช่วงต่อมาจากบ้านเพื่อนแม่อีกที ตอนแรกไม่คิดจะอ่านเพราะหน้าปกไม่สวยไม่ใช่สไตล์ตัวการ์ตูนที่ชอบ แต่ด้วยความที่การ์ตูนหมดบ้านแล้วเลยลองหยิบเรื่องนี้มาอ่าน เท่านั้นแหละติดเลยจ้า เนื้อเรื่องอ่านแล้วน่าติดตามไปเรื่อย ๆ  ถึงแม้จะดูน้ำเน่าเวอร์ ๆ  ไปหน่อยแต่มันก็สนุก อ่านแล้วอยากมีแฟนแบบอลันเลยอ่ะ ส่วนคลอรีนก็ถึกเหลือเกินรอดตายได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ





5. นูเบ มืออสูรล่าปีศาจ

     ไม่น่าเชื่อว่าจะติดการ์ตูนประเภทนี้ อ่านอย่างเดียวไม่พอยังไปหามาดูอีกด้วย เป็นการ์ตูนปราบผีที่อ่านแล้วขำ (เมื่อก่อนอ่านการ์ตูนผีเรื่องขวัญผวาแล้วคิดว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด) ในเรื่องจะเชียร์ให้นูเบได้กับเจ้าหญิงหิมะ และในที่สุดก็สมหวัง วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า




6. รักทระนง

     เวลาอ่านจะรู้สึกเหมือนตัวเองเข้าไปนั่งอยู่ในโลกของชุนเปและโทมาโกะ เหมือนได้เฝ้าติดตามพัฒนาการของทั้งคู่และของกลุ่มเพื่อน ๆ  ชอบตอนจบที่ชุนเปเรียกชื่อโทมาโกะเฉย ๆ  โดยไม่มีคำว่า 'คุณ' นำหน้าสักที





     ปัจจุบันนี้หนังสือการ์ตูนทั้งหมดที่กล่าวถึงและไม่ได้กล่าวถึงโดนปลวกกินไปหมดแล้วค่ะ เสียใจมาก เพราะรักมากเลยซุกเอาไว้อย่างดี และด้วยความที่ซุกไว้อย่างดีปลวกมันก็เลยหาเจอ ตอนนี้อยากได้การ์ตูนเรื่องไฟฝันควันรักกลับมาอ่านอีกรอบมาก ครั้งนี้จะเก็บแบบไม่ไยดี เผื่อบางทีหนังสือจะได้อยู่รอดปลอดภัย




เริ่มติดตามนิตยสารเล่มแรก

     นอกจากหนังสือการ์ตูนแล้ว ก็มีนิตยสารยี่ห้อหนึ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ  นั่นก็คือ 'นิตยสารบ้านและสวน' นั่นเอง ตอนนั้นก็เก็บตังค์ซื้อเองบ้างขอให้ที่บ้านซื้อให้บ้าง อารมณ์ชอบดูการแต่งบ้านสวย ๆ  มาก ดูแล้วก็ตื่นตาตื่นใจ บางครั้งดูไปก็น้ำตาไหลไปเพราะกระดาษเค้าคมมาก บาดแต่ละทีเจ็บเหลือเกิน





เรื่องสั้นที่เป็นบ่อเกิดของการซื้อเรื่องสั้นไปเรื่อย ๆ

     เหตุเกิดตอนไปเที่ยวบ้านคุณอาค่ะ (คุณอาคนละคนกับที่อยู่หมู่บ้านหมาดุนะ : ตอนกลัวหมา) แล้วที่บ้านเค้ามีหนังสือวางกองแบบไม่เป็นระเบียบอยู่ นี่ก็เลยไปค้นดูว่ามีหนังสืออะไรบ้าง แล้วก็สะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง เลยหยิบขึ้นมาอ่าน หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า 'ว้าวุ่น' อ่านไปอ่านมาคือมันตลกมาก จบตอนแรกแล้วก็อ่านตอนต่อไปเรื่อย ๆ  ทุกเรื่องที่เค้าเขียนมาเรานึกภาพตามในหัวอยู่ตลอดมันก็เลยขำ พอถึงเวลากลับบ้านก็เลยขอคุณอามาอ่านต่อที่บ้าน เล่มนั้นหน้าปกเป็นตึกสีขาว แต่พอผ่านไปเป็นปีก็ซื้อเล่มใหม่มาเก็บไว้อีกเล่มแต่เค้าเปลี่ยนหน้าปกใหม่ไปแล้ว

     เพราะหนังสือเล่มนี้ทำให้กลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือประเภทนี้ไปเลย ที่ซื้อบ่อยสุดก็ของพี่โน้ตอุดมค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้ซื้อหนังสือประเภทนี้มาอ่านแล้ว






เพราะโมโหเกมเลยก้าวเข้าสู่โลกแฮร์รี่ พอตเตอร์แบบไม่รู้ตัว

     เป็นการเข้าสู่โลกเวทย์มนต์ด้วยความโมโหแท้ ๆ  ตอนนั้นเล่นเกม PlayStation 1 กับน้องค่ะ เล่นกับน้องสาวแท้ ๆ  1 คน แล้วก็น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง คนเดียวกับที่ถ่ายรูปที่ New York อีก 1 คน รวมทั้งหมดวันนั้นผลัดกันเล่นอยู่ 3 คน เกมที่เล่นคือเกม Harry Potter and the Sorcerer's Stone (จำได้แม่น) แล้วที่นี้เจ้า 2 ตัวนั้นมันก็ดันเล่นเป็น เราเป็นพี่แต่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เดี๋ยวตาย เดี๋ยวตาย เล่นผ่านอยู่อย่างเดียวคือตอนกด  ロ O X ให้ทัน จนเริ่มโมโห เลยบอกน้อง ๆ  ว่า เดี๋ยวพี่จะไปอ่านหนังสือแฮร์รี่ให้รู้เรื่องก่อนแล้วจะกลับมาเล่นใหม่ ซึ่งความจริงก็ไม่เกี่ยวกันป่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มอ่านแฮร์รี่อย่างจริงจัง และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปเล่นเกมเพลย์ใด ๆ  ทั้งสิ้น แล้วก็หยุดอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้อีกเลย ทุกวันนี้ก็ยังอ่านเล่ม 1-7 วนไปเรื่อย ๆ  ไม่มีคำว่าเบื่อเลยจริง ๆ








     หมดแล้วค่ะ กับหนังสือที่พิเศษกว่าเล่มอื่น ๆ  นึกถึงช่วงเวลาการรอคอยให้หนังสือเล่มต่อไปออกวางแผงอย่างใจจดใจจ่อ นี่หลังจากที่รอแฮร์รี่ พอตเตอร์ออกครบทุกเล่มก็ไม่เคยรอหนังสืออะไรอีกเลย การ์ตูนชาย-หญิงก็ไม่ได้ซื้อแล้ว แต่หันไปซื้อการ์ตูนวายมาอ่านแทน ข้อมูลความรู้บางอย่างเราก็ Search หาจากในอินเทอร์เน็ต ถึงแม้บางสิ่งจะเปลี่ยนไปแต่เรื่องรักการอ่านยังไม่เปลี่ยนแปลงนะคะ การอ่านให้ประโยชน์เราเยอะมากทั้งเรื่องการสะกดคำ หรือการใช้คำที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะที่ไหนหรืออุปกรณ์ใด ๆ  ก็ตาม เรามาหาอะไรอ่านกันเถอะ °˖✧◝(⁰▿⁰)◜✧˖°




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

◕ 10 อันดับบทความยอดนิยมประจำสัปดาห์ ◕